เฝ้าระวัง 4 โรคและแมลงศัตรูมันสำปะหลัง พร้อมแนวทางป้องกัน
![]() |
กรมส่งเสริมการเกษตรเตือนเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังทั่วประเทศให้เฝ้าระวังการระบาดของโรคและแมลงศัตรูที่อาจติดมากับท่อนพันธุ์ในช่วงฤดูปลูก โดยเฉพาะโรคใบด่างมันสำปะหลัง โรคพุ่มแจ้ เพลี้ยแป้ง และเพลี้ยหอย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตอย่างรุนแรง
โรคใบด่างมันสำปะหลัง สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส Sri Lankan Cassava Mosaic Virus (SLCMV) โดยมีแมลงหวี่ขาวยาสูบเป็นพาหะ อาการของโรค ได้แก่ ใบอ่อนมีลักษณะด่างสีเขียวอ่อนหรือเหลืองสลับเขียวเข้ม ใบหงิกงอและเสียรูป ส่งผลให้หัวมันสำปะหลังไม่สามารถสะสมอาหารได้ ส่งผลให้ผลผลิตลดลง
แนวทางป้องกัน:
1. ใช้พันธุ์ทนทาน เช่น ระยอง 72 เกษตรศาสตร์ 50 และห้วยบง 60
2. หลีกเลี่ยงพันธุ์อ่อนแอ เช่น ระยอง 11 และ CMR 43-08-89
3. สำรวจแปลงเป็นประจำ หากพบโรคระบาดให้ทำลายต้นที่ติดเชื้อ
4. กำจัดแมลงหวี่ขาวยาสูบหากพบระบาดเกินระดับเศรษฐกิจ โดยใช้สารกำจัดแมลงตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร
โรคพุ่มแจ้มันสำปะหลัง เกิดจากเชื้อไฟโตพลาสมา มีเพลี้ยจักจั่นเป็นพาหะ อาการของโรคทำให้ยอดแคระแกร็น ใบเล็ก สีเหลืองซีด และอาจทำให้ต้นแห้งตาย หากเชื้อแพร่ลงหัวจะทำให้คุณภาพแป้งลดลง
แนวทางป้องกัน:
1. ใช้ท่อนพันธุ์จากแหล่งปลอดโรค
2. กำจัดต้นที่ติดโรคในระยะ 1-4 เดือนหลังปลูก
3. กำจัดวัชพืช โดยเฉพาะต้นสาบม่วงที่เป็นพืชอาศัย
4. ควบคุมแมลงพาหะด้วยการพ่นสารกำจัดแมลง
เพลี้ยแป้งมันสำปะหลังพบ 4 ชนิด แต่ที่สร้างความเสียหายมากที่สุดคือ เพลี้ยแป้งมันสำปะหลังสีชมพู ซึ่งเป็นแมลงศัตรูต่างถิ่น เพลี้ยแป้งดูดน้ำเลี้ยงจากใบและยอด ทำให้หัวมีขนาดเล็ก คุณภาพแป้งต่ำ และอาจทำให้ต้นตาย โดยการแพร่กระจายเกิดจากมดที่นำไปยังส่วนต่าง ๆ ของพืช รวมถึงลมและท่อนพันธุ์ที่ติดเชื้อ
แนวทางป้องกัน:
1. ไถพรวนดินหลายครั้งเพื่อลดปริมาณเพลี้ยแป้งในดิน
2. ใช้ท่อนพันธุ์ที่ปราศจากเพลี้ยแป้ง
3. แช่ท่อนพันธุ์ในสารกำจัดแมลง เช่น ไทอะมิโทแซม หรืออิมิดาโคลพริด
4. ใช้ศัตรูธรรมชาติ เช่น แมลงช้างปีกใส และแตนเบียนเพลี้ยแป้ง
5. สำรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบการระบาดให้ตัดยอดและทำลายนอกแปลง
เพลี้ยหอยเกล็ดระบาดในแปลงที่ใกล้เก็บเกี่ยวหรือต้นที่เก็บไว้ทำพันธุ์ เพลี้ยหอยเกล็ดดูดน้ำเลี้ยงจากพืช ทำให้ใบเหลือง แคระแกร็น และอาจทำให้ต้นแห้งตาย
แนวทางป้องกัน:
1. สำรวจแปลงเป็นประจำ
2. เลือกท่อนพันธุ์ที่ปราศจากเพลี้ยหอยเกล็ด
3. อนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติ เช่น ด้วงเต่าลายฟาโรสคิมนัส
4. แช่ท่อนพันธุ์ก่อนปลูกด้วยสารกำจัดแมลง เช่น ไทอะมิโทแซม หรืออิมิดาโคลพริด
กรมส่งเสริมการเกษตรเน้นย้ำให้เกษตรกรสำรวจแปลงปลูกเป็นประจำ และหากพบการระบาดให้ดำเนินมาตรการควบคุมโดยเร็ว สามารถขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอหรือจังหวัดใกล้บ้าน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ https://www.prachachat.net/economy/news-1711861