ข่าว

4 สมาคมสำรวจสถานการณ์มันสำปะหลัง พบผลผลิตลดลงจากปัจจัยโรคและสภาพอากาศ

คณะสำรวจภาวะการผลิตและการค้ามันสำปะหลัง ฤดูการผลิตปี 2568/2569 นำโดย นายบุญชัย ศรีชัยยงพานิช พร้อมด้วย 4 สมาคมหลักในอุตสาหกรรมมันสำปะหลัง ได้แก่ สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย สมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย และสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ร่วมกันลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์ พบว่าผลผลิตมันสำปะหลังของประเทศในปีนี้มีแนวโน้มลดลงทั้งด้านพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตรวม

ข้อมูลการสำรวจชี้ว่า พื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังลดลงกว่า 8.4 แสนไร่ หรือราว 10% จากปีก่อนหน้า เหลือเพียง 7.59 ล้านไร่ แม้ว่าผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่จะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.009 ตันต่อไร่ แต่ด้วยพื้นที่เพาะปลูกที่ลดลง ทำให้ผลผลิตรวมทั้งประเทศคาดว่าจะอยู่ที่ 22.83 ล้านตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมา 8.61% หรือคิดเป็นกว่า 2 ล้านตัน

การลดลงดังกล่าวมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น

  • โรคใบด่าง ที่ยังคงระบาดในหลายพื้นที่ เกษตรกรยังต้องใช้พันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์และติดโรคในการเพาะปลูก เนื่องจากขาดแคลนพันธุ์มันสำปะหลังที่ทนโรคและปลอดโรค เช่น เกษตรศาสตร์ 50, ระยอง 72, ห้วยบง 60 รวมถึงพันธุ์อิทธิ 1–3

  • สภาพอากาศที่ไม่แน่นอน ฝนตกหนักทำให้หัวมันเน่าเสีย ขณะที่ภาวะแห้งแล้งผิดปกติส่งผลให้เกิดโรคและแมลงศัตรูพืช เช่น โรคพุ่มแจ้และไรแดง

  • ปัญหาเชิงโครงสร้าง เกษตรกรบางส่วนไม่ได้คัดเลือกท่อนพันธุ์ที่ปลอดโรค การจ้างเก็บเกี่ยวที่ไม่เน้นคัดแยกท่อนพันธุ์สะอาด ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น รวมถึงแรงงานภาคเกษตรที่ขาดแคลน

แม้ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่จะขยับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ต้นทุนที่สูงขึ้นและผลผลิตรวมที่ลดลง ทำให้รายได้สุทธิของเกษตรกรจำนวนมากไม่คุ้มกับแรงงานและค่าใช้จ่ายที่ลงทุนไป สถานการณ์เช่นนี้อาจทำให้เกษตรกรบางส่วนหันไปเลือกปลูกพืชชนิดอื่นแทน เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หรืออ้อยโรงงาน

คณะสำรวจมองว่า หากราคามันสำปะหลังปรับตัวดีขึ้นหลังเดือนตุลาคม เกษตรกรบางรายอาจกลับมาขยายพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังหลังฤดูเก็บเกี่ยวข้าวโพด แต่หากไม่มีมาตรการสนับสนุนที่เพียงพอ ความต่อเนื่องและความมั่นคงของภาคการผลิตมันสำปะหลังอาจได้รับผลกระทบในระยะยาว

ในด้านข้อเสนอแนะ คณะสำรวจชี้ว่าจำเป็นต้องมีความร่วมมือทั้งจากภาครัฐและเอกชนในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เช่น

  • เร่งพัฒนาและกระจายพันธุ์มันสำปะหลังที่ทนโรคและปลอดโรค

  • ส่งเสริมการคัดเลือกท่อนพันธุ์สะอาดและการตรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ

  • สนับสนุนเทคโนโลยีและเครื่องจักรกลทางการเกษตร เช่น ระบบน้ำหยดและเกษตรแม่นยำ เพื่อลดความเสี่ยงจากสภาพอากาศ

  • ปรับปรุงระเบียบข้อกำหนดเกี่ยวกับการขนย้ายท่อนพันธุ์ เพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงพันธุ์ดีได้ง่ายขึ้น

  • สนับสนุนปัจจัยการผลิตและแนวทางลดต้นทุน เพื่อช่วยให้เกษตรกรอยู่รอดท่ามกลางต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

การปรับตัวและการช่วยเหลือในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาผลผลิตที่ลดลงในระยะสั้น แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับความเข้มแข็งของภาคการผลิตมันสำปะหลังไทยทั้งระบบ หากสามารถดำเนินมาตรการได้อย่างต่อเนื่อง จะช่วยเสริมความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดโลก และสร้างความมั่นคงให้กับเกษตรกรในอนาคต

อ่านเพิ่มเติมได้ที่: https://www.prachachat.net/economy/news-1888779