การอบรมครั้งนี้ช่วยเสริมความรู้ด้านการอบแห้งและเทคโนโลยีอาหาร พร้อมแนวทางเพิ่มมูลค่าสินค้าและรักษาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์และการจัดทำฉลากคาร์บอน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมเกษตรไทย
สมาคมวิศวกรรมเกษตรแห่งประเทศไทย (TSAE) จัดอบรมยกระดับมูลค่าผลิตภัณฑ์เกษตรด้วยเทคโนโลยีการอบแห้ง พร้อมรับมือเทรนด์สิ่งแวดล้อมและฉลากคาร์บอน
![]() |
เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 ณ ห้องประชุมชั้น 7 กรมส่งเสริมการเกษตร TSAE จัดอบรมเชิงปฏิบัติการหัวข้อ “การอบแห้งผัก ผลไม้ เครื่องเทศ และสมุนไพร: เพิ่มมูลค่า ลดพลังงาน รักษาสิ่งแวดล้อม” เพื่อเสริมความรู้และนวัตกรรมให้ผู้ประกอบการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร
หัวข้อสำคัญที่ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้
หลักการและหัวใจของการอบแห้งและเครื่องอบแห้ง
การเปลี่ยนแปลงคุณภาพอาหารระหว่างการอบแห้ง
การอบแห้งแบบแช่แข็ง (Freeze Drying) เพื่อผลิตอาหารสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูป
การอบแห้งแบบลมร้อน
การยกระดับมูลค่าสินค้าโดยการประเมินการปล่อยคาร์บอน
บรรยายโดยวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญ:
ดร. สักกมน เทพหัสดิน ณ อยุธยา ภาควิชาวิศวกรรมอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุลี ประธารกรรมการวิชาการสมาคมวิศวกรรมเกษตรแห่งประเทศไทย
นายวิบูลย์ เทเพนทร์ อุปนายกสมาคมวิศวกรรมเกษตรแห่งประเทศไทย วิศวกรรมวิชาชีพสาขาวิศวกรรมเกษตร
ดร. เขมทิน เหลืองวัฒนะพงศ์ ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์มันสำปะหลังยั่งยืนไทยและอาเซียน
ผู้เชี่ยวชาญจาก บริษัท คิเนติค เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
ในการอบรมครั้งนี้ ดร. เขมทิน เหลืองวัฒนะพงศ์ ได้ถ่ายทอดความรู้เพื่อช่วยยกระดับผลิตภัณฑ์เกษตร โดยเน้นด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์และการจัดทำฉลากคาร์บอน
หัวข้อที่บรรยายครอบคลุม:
แนวคิดของ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint, CF) ซึ่งคือปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ การผลิต การขนส่ง การใช้งาน จนถึงการจัดการของเสีย
ความสำคัญของการจัดการก๊าซเรือนกระจกเพื่อบรรเทาภาวะโลกร้อน และการบรรลุเป้าหมาย Net Zero Emissions
เครื่องมือและกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับประเทศและสากล เช่น พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย (บังคับใช้ปี 2026), มาตรการปรับคาร์บอนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM), และ Clean Competition Act ของสหรัฐอเมริกา
ข้อมูลเชิงลึกสำหรับอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลัง
คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของการผลิตแป้งมันสำปะหลังในไทยเฉลี่ย 468 kg CO2eq ต่อตันแป้ง (ความชื้น 0%)
แหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกหลักมาจากกระบวนการเพาะปลูก คิดเป็น ร้อยละ 54 ของคาร์บอนฟุตพริ้นท์ทั้งหมด
แนวทางลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์สำคัญคือการ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแป้งมันสำปะหลัง และใช้ พลังงานทางเลือก เช่น ไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ